ประเทศอาเซียน

ประเทศอาเซียน
สนใจโปรแกรมเที่ยวอินโดจีน ลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม

ประเทศอาเซียน

ประเทศอาเซียน
สนใจโปรแกรมเที่ยวอินโดจีน กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ฺBefore Leaving Vietnam

Before Leaving Vietnam


    ปัจจุบันการเดินทางไปเที่ยวเวียดนามนั้นสะดวกมากไม่ต้องเสียเวลาขอวีซ่าเหมือนเมื่อก่อนเพียงแค่คุณมี passport ก็สามารถเดินทางประเทศเวียดนามได้แล้ว โดยมีสายการบินให้บริการเที่ยวบินตรงสู่เวียดนามและใช้เวลาในการเดินทางเพียงครึ่งชั่วโมงเหมาะสำหรับผู้ชอบความสะดวกสบายในการท่องเที่ยว.....สิ่งแรกที่คุณต้องทำก่อนไปเยือนประเทศเวียดนามคือ กำหนดจุดหมายปลายทางให้ได้ก่อนว่าจะไปเที่ยวที่ใดเพราะประเทศเวียดนามประกอบไปด้วย 3 ภาค ที่น่าเที่ยวชม เช่น ถ้าชอบชมธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ที่งดงาม ก็ต้องมาเยือนภาคเหนือ มีให้คุณชมได้ทั้งยอดเขาฟานสีปันในเมืองซาเปา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลังคาแห่งอินโดจีน ถัดมาภาคกลาง ที่ประกอบไปด้วยเมืองเว้ ดา นัง และฮอยอัน ดินแดนที่รวบรวมมรดกโลกไว้ได้มากที่สุดของเวียดนาม หรือภาคใต้เที่ยวชมอดีตเมืองหลวงอันรุ่งเรืองที่โฮจิมินห์ซิตี้

การเตรียมเวลา

มาเที่ยวเวียดนามทั้งทีก็น่าจะมีเวลาเก็บเกี่ยวบรรยากาศของเวียดนามให้นานๆ อย่างไรก็ดีหากมีเวลาเพียง 2 คืน 3 วันก็ไม่ใช่ปัญหาสำคัญ แต่คุฯต้องเลือกให้ได้ก่อนว่าจะไปเที่ยวภาคใดของเวียดเช่น ทริปแรกคุณอาจจะเลืกไปเวียดนามเหนือเที่ยวเมืองหลวงฮานอย วันหลังค่อยกลับมาเที่ยวเมืองมรดกโลกที่เวียดนามกลางตั้งเต่ เว้ ดานัง และฮอยอัน หากมีเวลาทริปต่อไปอาจลงใต้ไปเที่ยวชมหลังคาป่าสนที่สวยงานประดุจสวิตเซอร์แลนด์ในแถบเอเชียที่ดาลัดและปิดท้ายการมาเยือนโฮจิมินห์ซิตี้สไตล์ฝรั่งเศล

เตรียมค่าใช้จ่าย

สกุลเงินของเวียดนาม คือ ด่อง (Vietnam Dong หรือ VND) ชาวเวียดนามส่วนใหญ่จะใช้ธนบัตรในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าต่างๆเหรียญอาจจะมีบ้างแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม ธนบัตรมีราคาตั้งแต่ 100,000, 50,000, 20,000 , 10,000 , 5,000, 1,000, และ 500 VND อัตราแลกเปลี่ยน ประมาณ 15,000 VND ต่อ 1 US$ หรือ 1 บาทไทยจะแลกได้ประมาณ 400 ด่อง


อาหารการกิน

      หากคุณใช้บริการผู้ประกอบการนำเที่ยว จะหมดปัญหาในเรื่องอาหารการกินเพราะทางบริษัทจะจัดโปรแกรมอาหารในแต่ละมื้อไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งไว้วางใจได้ในเรื่องรสชาติอาหารและความสะอาด แต่หากคุณชื่นชอบในการท่องเที่ยวเอง มีข้อแนะนำคือให้เลือใช้ในบริการอาหารที่ได้มาตราฐานเรื่องความสะอาด เช่นร้านอาหารที่ให้กับบริษัททัวร์ต่างๆ ภัตตราคารใหญ่ย่านใจกลางเมืองหรือภายในโรงแรมชั้นนำต่างๆภัตตราคารใหญ่ด้านใจกลางเมืองท่องเที่ยว วิธีสะดวกที่สุดคือการสั่งอาหารแบบเซตเมนูเวียดนามขึ้นชื่อว่าประเทศอาหารการกินสมบูรณ์ราคาไม่แพง

ช่วงเวลาท่องเที่ยว

คนไทยนิยมมาเที่ยวเวียดนามตั้งแต่ตุลาคม-เมษายน เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีวันหยุดมาก แต่อย่างไรก็ดีคุฯก็สามารถเที่ยวได้ตลอดปีโดยตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางเพราะเวียดนามเป็นประเทศชายฝั่งทะเลหากมีลมมรสุมจะเจอเป็นประเทศแรก *คุณสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากผู้ประกอบการท่องเที่ยว

เตรียมเลือกผู้ประกอบการ

วิธีสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาเที่ยวเวียดนามคือใช้บริการแพกเกจทัวร์จะสะดวกสบายกว่าเดินทางไปด้วยตนเอง



ขอขอบคุณหนังสือ Trips magazine vietnam



สามารถติดต่อสอบถามโปรแกรมทัวร์
www.scholidaytour.com
www.indochinaexplorer.com

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศลาว







สถานที่ท่องเที่ยวประเทศลาว




  พระธาตุหลวง

             พระธาตุหลวง หรือ พระเจดีย์โลกะจุฬามณีนับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งแห่งเวียงจันท์และเป็นศูนย์รวมใจของประชาชนชาวลาวทั่วประเทศ ตามตำนานกล่าวว่าพระธาตุหลวงมีประวัติการก่อสร้างนับพันปีเช่นเดียวพระธาตุพนมในประเทศไทย และปรากฏความเกี่ยวพันกับประวัติศาสตร์ของดินแดนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงอย่างแยกไม่ออก สถานที่นี้ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างของประเทศลาว ดังปรากฏว่าตราแผ่นดินของลาวที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้มีรูปพระธาตุหลวงเป็นภาพประธานในดวงตรา
       ลักษณะรูปทรงของพระธาตุหลวงน่าจะได้รับการถ่ายทอดความเชื่อมาจากคติจักรวาลที่มีเขาพระสุเมรุเป็นแกนกลาง เริมจากภายนอกตั้งแต่ระเบียงและทางเข้าทั้ง 4 ทิศ เสมือนเป็นเทือกเขาน้อยใหญ่ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ ส่วนฐานที่ลดหลั่นกั้น 3 ชั้นขององค์พระธาตุหมายถึงโลก 3 ภูมิ คือ มนุษย์โลก เทวโลก และพรหมโลก เหนือฐานชั้นที่ 3 เป็นองค์ระฆังเตี้ยคล้ายสถูปทรงฟองน้ำในผังทรงสี่เหลี่ยม

  ประเพณีนมัสการพระธาตุหลวง

ประเพณีบุญนมัสการพระธาตุหลวงนี้ ได้ทำสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณกาล โดยมีพระมหากษัตริย์องค์เป็นประมุขของชาติทรงเป็นประทาน จึงนับว่าบุญนมัสการพระธาตุหลวงนี้เป็นบุญของหลวง ในวัน ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 12 ตอนบ่ายประชาชนทุกภาคส่วน มารวมกันที่ วัดศรีสัตนาค เพื่อแห่ปราสาทผึ้ง และต้นกัลปพกฤษ์ ไปทอดถวายที่วัดศรีเมืองตอนค่ำมีงานมหรสมโภชน์ตลอดทั้งคืน วันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ตอนเช้า ทำพิธีดื่มน้ำพระพิพัธสัจจาอยู่สิมวัดองตื้อ ผู้ที่เข้ารับน้ำสาบาน มีตั้งแต่ระดับหัวหน้าขึ้นไป ถึงคณะรัฐมนตรีของประเทศลาว ตอนบ่าย 2 โมง ประชาชนทุกภาคส่วนตั้งขบวนแห่ปราสาทผึ้ง และต้นกัลปพฤกษ์ ออกไปธาตุหลวง เวลาบ่าย 3 โมง ประมุขรัฐ และเจ้านาย ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ออกไปสู่พระธาตุหลวง เพื่อเป็นเกียรติแห่ปราสาทผึ้งเดินรอบบริเวณพระธาตุหลวงร่วมกับประชาชนที่มาจากทั่วสารทิศ เมื่อเวียนครบ 3 รอบแล้วก็ทำพิธีถวาย ถึงเวลากลางคืนก็มีงานมหรสพสมโภช วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตอนเช้ามีการทำบุญตักบาตรในบริเวณพระธาตุ แล้วฟังพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ ตอนกลางคืนมีงานฉลองเป็นวันสุดท้าย วันแรม 1 ค่ำ เดือน 12 เสร็จงานจากพระธาตุหลวงแล้ว ก็มีการแห่ปราสาทผึ้งมาถวายที่วัดองค์ตื้อ และวัดอินแปง อีกจึงจะถืองานนมัสการพระธาตุหลวงเสร็จสิ้นสมบูรณ์




หนังสือ Trips Magazine ลาวเหนือ






ประตูชัย


ประตูชัยแห่งนี้สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2512  ครับ  เรียกได้ว่าความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ยาวนานมากๆเลยครับ  ก็อย่างที่บอกว่าสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน  ประตูชัยนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “รันเวย์แนวตั้ง” ครับ นั่นก็เพราะว่า การก่อสร้างประตูชัยแห่งนี้นั้น ใช้ปูนที่อเมริกาซื้อมาเพื่อนำมาสร้างสนามบินใหม่ในนครเวียงจันทน์ในระหว่าง สงครามอินโดจีนนั่นเอง แต่ก็ไม่ทันได้สร้างเลยก็เกิดแพ้สงครามในอินโดจีนเสียก่อน จึงมีการนำปูนซีเมนต์มาสร้างประตูชัยแทน


ความสวยงามของประตูชัยนั้นมีอยู่ที่ลักษณะสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส นั่นเอง  ถ้าเพื่อนเปรียบเทียบกันดูจะเห็นว่ามีส่วนที่คล้ายคลึงกันมาก แต่ลักษณะสถาปัตยกรรมนั้นก็ยังมีเอกลักษณ์ของลาวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูปศิลปะลาว ภาพเรื่องราวมหากาพย์รามายณะ แบบปูนปั้นใต้ซุ้มประตูโค้งของประตูชัย บันไดวนให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ของนครเวียงจันทน์  และถ้าเพื่อนๆเดินขึ้นไป ตลอดบันไดวนของประตูชัยจะแบ่งออกเป็นชั้นๆ ซึ่งแต่ละชั้นนั้นก็จะมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นชมวิวทิวทัศน์ทุกวัน และในตอนเย็นจะมีประชาชนชาวลาว มาออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมร่วมกันที่นี่ด้วย


เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเป็นมายาวนานและนักเดินทางอย่างเราไม่ควรพลาด  สำหรับการเข้าชมสถานที่แห่งนี้นั้นต้องเสียค่าทำเนียมด้วยครับ


ค่าเข้าชม ผ่านประตูคนละ 2,000 กีบ (อัตราแลกเปลี่ยนก็ประมาณ 240-270 กีบ ต่อ 1 บาท)
เวลาเปิดให้เข้าชม ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น
.









          วัดใหม่สุวรรณภูนาราม

วัดใหม่สุวรรณภูมารามหรือที่ชาวหลวงพระบางเรียกกันสั้นๆว่า "วัดใหม่" เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชบุญทัน ซึ่งเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์สุดท้ายของลาวและยังเคยเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระพุทธรูปคู่เมืองหลวงพระบางในรัชสมัยของเจ้ามหาชีวิตสักรินฤทธิ์ จนกระทั่งถึงปีพ.ศ. 2437 จึงได้อัญเชิญพระบางไปประดิษฐานในหอพระบางภายในพระราชวังจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมื่อมาเยือนวัดแห่งนี้สิ่งที่เราจะสังเกตเห็นถึงความแตกต่างจากวัดอื่นๆ คือตัวอุโบสถ(สิม) ลักษณะจะเป็นอาคารทรงโรง หลังคามีขนาดใหญ่ มีชายคาปกคลุมทั้งสี่ด้านสองระดับต่อเนื่องกัน

ด้านข้างมีฐานยื่นออกมารับกับชายคาที่ทอดยาวลงเกือบดินพื้นดิน บนยอดหลังคาเป็นหน้าจั่วขนาดใหญ่โดยมีหลังคาเล็กๆ ซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่ง ตรงกลางของหลังคาเล็กประดับช่อฟ้า ด้านหลังมีหอขวางสร้างขึ้นติดกัน เชื่อว่ามาต่อเติมในภายหลัง ที่ระเบียงด้านหน้ามีอาคารคล้ายศาลาขวางครอบอยู่ มีหลังคาติดกับหลังคาอุโบสถ ที่เสาลงรักปิดทองอย่างสวยงาม ผนังด้านหน้าพระอุโบสถตกแต่งด้วยภาพลงรักปิดทองดูเหลืองอร่ามงามตายาวตลอดผนัง เล่าเรื่องพระเวสสันดรชาดก โดยฝีมือช่างหลวงประจำรัชกาลเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ ด้านล่างเป็นรูปสัตว์ชนิดต่างๆ มีรูปช้างน้ำอยู่ด้านล่างขวาของภาพ ส่วนบานประตูแกะสลักเป็นรูปเทวดาศิลปะแบบเชียงขวาง

ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปนับหมื่นนับแสนองค์บนผนังสีแดง คล้ายกับที่เคยพบเห็นในวัดบางแห่งของจังหวัดเชียงใหม่ ตรงกลางเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง มีพระพักตร์ที่งดงาม จัดเป็นกลุ่มพระพุทธรูปหลวงพระบางแบบหนึ่ง ตรงข้ามด้านหน้าพระอุโบสถมีอาคารก่ออิฐถือปูนหลังเล็กๆ 2 หลังขนาดต่างกัน ชาวลาวเรียกว่า "อูบมุง" ขนาบข้างพระธาตุทรงดอกบัวสี่เหลี่ยม อูบมุงหลังใหญ๋หันหน้ามาทางพระอุโบสถ ภายในมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดค่อนข้างใหญ่ประดิษฐานอยู่ ส่วนอูบมุงหลังเล็กหันหน้าออกถนน บริเวณภายในวัดใหม่มีการจัดวางผังอาคารกลุ่มพุทธวาสและสังฆาวาสแยกออกเป็นสัดส่วน มีแนวต้นไม้เล็กๆคั่นอยู่




   วัดแสนสุขาราม

วัดแสนสุขาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกสร้าง ภายหลังหลวงพระบาง แยกออกจากนครเวียงจันทร์ได้ 11 ปี ครับ เดิมนั้นบริเวณที่สร้างวัดแสนสุขาราม เคยมีวัดเก่าอยู่ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว วัดแสนสุขารามถูกสร้างขึ้นเมื่อ คริสตวรรษที่ 15 สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดก็คือ พระยืนที่สูง ที่บอกไปตอนแรก เป็นพระยืนองค์ใหญ่ที่สุดในหลวงพระบาง มีพระพักตร์ที่งดงามผ่องแผ้ว



ส่วนข้างหอพระยืนนั้นมีหอรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระอุโบสถดูงดงามอลังการด้วยการทาสีแดง และเขียนภาพสีทองลงบนพื้นแดง ภายในมีการตกแต่งประดับประดา ที่มีสีสัน สวยสดงดงามหาที่ติไม่ได้ พระประธานเองนั้นก็มีความงามชดช้อย



ถ้าจะว่ากันไปตามประวัติแล้วนั้น  วัดแสนสุขาราม ได้รับการบูรณะ ครั้ง แล้ว ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ. 2475 ครั้งที่สองเมื่อพ.ศ. 2500 ลวดลายความสวยงามที่เห็นด้วยการปิดทองนั้น ได้รับการบูรณะเมื่อ คริสศตวรรษที่20 โดยช่างชาวหลวงพระบางนั่นเอง เห็นฝีมือช่างแล้วก็..สุดยอดจริงๆครับเมื่อมาหลวงพระบาง  เที่ยววัดแสนสุขาราว ต้องมาชมพระยืนมีเพียงองค์เดียวในหลวงพระบาง 








     พระราชวังหลวงพระบาง

พระราชวังหลวงพระบาง หลังนี้เป็นอาคารเก่า ออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ลักษณะอาคารเป็นอาคารชั้นเดี่ยวยกพื้นสูง สถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส แต่เป็นการผสมผสานระหว่างฝรั่งเศสและลาว ด้านนอกอาคารเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ เป็นระยะเวลานนาน จนสิ้นพระชนม์ ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2518 พระราชวังหลวงพระบาง ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ 

พระราชวังหลวงพระบางแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1904 มีแผนผังเป็นรูปกากบาท และ สร้างฐานซ้อนกันหลายชั้น หอพระด้านหน้าเป็นที่ประดิษฐาน พระบาง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของลาว องค์พระสูง 83 เซนติเมตร พระหัตถ์แสดงปางอภัยมุทรา หล่อขึ้นด้วยทองคำ บริสุทธิ์เกือบทั้งองค์ รวมน้ำหนักทั้งสิ้นราว 43 ถึง 54 กิโลกรัม ตามตำนานเล่าว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้น ที่เกาะสิงหล เมื่อราวศตวรรษ ที่ 1 

จ้าฟ้างุ้ม ทรงได้รับพระราชทานจากกษัตริย์เขมรมาอีกต่อหนึ่ง แต่ก็ต้องตกไปอยู่ในเมืองสยามถึงสองครั้ง ในปี ค.ศ.1779 และ ค.ศ. 1827 จน ปี ค.ศ. 1867 พระบาทสมเด็จพระจอเกล้าฯ จึงทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทานกลับคืน ไปให้ภายในห้องยังมีฉากลับแลผ้าไหมปักลวดลาย ด้วยฝีมือ ประณีต และงาช้างแกะสลักอีกไม่น้อย ที่เหลือเป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ภาพบุดคล บรรณาการจากต่างชาติ และ งานศิลปะมากมายและงานประดับกระเบื้องอยู่รอบๆตัวอาคาร

ค่าเข้าชม 30,000 กีบ (ประมาณ 120 บาท) 
เปิดเวลา 08.00 - 11.30 น. และ 13.30 - 16.30 น.
หมายเหตุ ภายในพระราชวังหลวง ห้ามการถ่ายรูปทุกชนิดครับ





  ตลาดมืด ( ถนนคนเดินหลวงพระบาง )

ช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็น บริเวณหน้าพระราชวังเก่า บนถนนศรีสว่างวงศ์ ตรงข้ามกับยอดเขาภูสี จะเริ่มมีพ่อค้าแม่ค้าชาวหลวงพระบาง มาตั้งเสื้อนั่งขายสินค้า ของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยว เรียกแบบภาษาลาวๆว่า "ตลาดมืด" หรือเรียกแบบภาษาไทยว่า "ตลาดค่ำ" นั่นเองครับ จัดในลักษณะถนนคนเดิน ปิดถนน รถวิ่งเข้าไม่ได้ เข้าได้เฉพาะคนและจักรยานเท่านั้น



ตลาดมืด ฟังชื่อแล้วก็ดูเถื่อนๆยังไงไม่รู้ครับ หลายคนอาจจะเข้าใจว่าสินค้าที่นำมาขายกันนั้นน่าจะเป็นของผิดกฎหมาย  ก็จากที่ฟังตามชื่อแล้วก็น่าจะเป็นอย่างนั้นอยู่นั่นแหละ แต่เดี๋ยวก่อนครับ มันอาจไม่ใช่อย่างที่เราๆท่านๆคิดกันก็ได้ เพราะจากการสำรวจดูแล้ว ที่นี้เขาจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวกับงานฝีมือ หัตกรรม ของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่สามารถซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆได้หลายๆคน เครื่องประดับจะเห็นเยอะ ของประดับบ้าน เสื้อยืดที่ระลึก กางเกงผ้าฝ้ายที่ระลึกหลวงพระบาง ฯลฯ เอาเป็นว่าบรรยายไปก็ไม่เห็นภาพ  เรามาดูรูปของตลาดมืดกันเลยดีกว่า....


ถนนเส้นนี้ยังเป็นแหล่งรวมที่พัก รีสอร์ท โรงแรม เกสต์เฮ้ามากมายให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพัก จึงทำให้เป็นเหมือนจุดศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวเมื่อยามเย็นมาถึง กลางวันเราก็ออกไปเที่ยวรอบๆเมืองหลวงพระบาง พอตอนค่ำออกมาหาอะไรกินแล้วก็มาเดินตลาดมืดหาของฝากกัน เป็นการจัดสรรเวลาที่ลงตัวพอดี





   น้ำตกตาดแช่


น้ำตกตาดแซ่ (Tadsae Waterfall)  เป็นแอ่งน้ำสีเขียวมรกตขนาดใหญ่ที่รายลอบไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ และด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ทำให้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ น้ำตกตาดแซะจะมีผู้คนทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยวออกมาเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมาก  

การเดินทางห่างออกไปจากหลวงพระบางไม่ไกลนัก ประมาณ 15 กิโลเมตร เท่านั้นเองครับ น้ำตกตาดแซ่แห่งนี้ เป็นน้ำตกที่เราจะต้องนั่งเรือต่อเข้าไปครับ  เรียกได้ว่าการเดินทางนั้นก็ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คิดครับ  เราจะล่องเรือตามแม่น้ำคาน เมื่อไปถึงจะต้องเดินเข้าไปอีกเล็กน้อยประมาณ 100 เมตรครับ  เราจะพบกับด่านเก็บค่าผ่านประตู น้ำตกแห่งนี้เป็นสถานที่ แนะนำให้เล่นน้ำครับเตรีมชุดมาเลย จัดเวลามาเล่นสัก2-3 ชั่วโมงรับรองสนุกไม่ลืมเลย 


ลักษณะน้ำตกเป็นน้ำตกหินปูน เหมือนอ่างน้ำขนาดใหญ่ ที่ไหลเป็นลำธารลงสู่แม่น้ำอีกทีหนึ่ง น้ำใสกิ๊ก แม้แต่ลำน้ำที่เราล่องเข้าไปที่น้ำตกตาดแซ่ก็ใสมากๆ ขอบอก   ผมแนะนำเลยว่าจัดเวลามาเล่นน้ำไว้ด้วยนะครับ เพราะถ้ามีเวลาน้อยจะเสียใจเดี๋ยวหาว่าไม่บอก เพราะน้ำตกสวยงามมาก น้ำใสเป็นสีเขียวและไม่ลึก เหมือนอ่างอาบน้ำซะมากกว่า 




เมื่อเดินทางมาถึงที่นี้แล้วก็ไม่ต้องกลัวเรื่องของอาหารการกิน  เพราะสามารถสั่งอาหาร และเครื่องดื่มจากร้านค้าในบริเวณน้ำตก เพื่อมานั่งรับประทานอาหารได้ด้วย บริเวณน้ำตกแห่งนี้ จะมีเก้าอี้หินให้บริการตมบริเวณแอ่งน้ำรอบๆน้ำตก ให้พักผ่อนได้ตามอัธยาศัย ยังไงก็ขอความร่วมมือรักษาความสะอาดกันด้วย


ค่าใช้จ่ายคราวๆ สำหรับทริปนี้ค่าเรือแบบเหมา ถ้ามา 1-3 คน ก็คิดแบบเหมา 20,000 กีบครับ แต่ถ้ามา 4-10 คน คิดค่าเรือเป็นคนล่ะ 5,000 กีบ  ส่วนค่าเข้าชมน้ำตกก็คนล่ะ  8,000 กีบ

  

แหล่งที่มา


หนังสือ Trips Magazine ลาวเหนือ
หนังสือ Places&Prices

สามาติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

http://www.scholidaytour.com/

http://www.indochinaontour.com/
















เวียดนามเมืองแห่งอาหารการกินที่สมบูรณ์

                      

อาหารการกินเวียดนาม


      หากคุณเป็นนักนิยมกินผักมาเที่ยวเวียดนามคงไม่ผิดหวัง เพราะร้านอาหารแทบทุกร้านจะปรุงรสเมนูด้วยผักสดปลอดสารผิดหรือไม่ก็เสิร์ฟมาเป็นเครื่องเคียงชุดใหญ่ ความอุดมสมบูรณืของผืนดดินและสายน้ำทำให้เวียดนามสามารถผลิตพืชผลเกษตรได้ดีปัจจุบันเวียดนามสามารถส่งข้าวออกขายได้มากเป็นอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว  หากคุณใช้บริการผู้ประกอบการนำเที่ยว จะหมดปัญหาในเรื่องอาหารการกินเพราะทางบริษัทจะจัดโปรแกรมอาหารในแต่ละมื้อไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งไว้วางใจได้ในเรื่องรสชาติอาหารและความสะอาด แต่หากคุณชื่นชอบในการท่องเที่ยวเอง มีข้อแนะนำคือให้เลือกใช้ในบริการอาหารที่ได้มาตราฐานเรื่องความสะอาด เช่นร้านอาหารที่ให้กับบริษัททัวร์ต่างๆ ภัตตราคารใหญ่ย่านใจกลางเมืองหรือภายในโรงแรม

อาหารเวียดนาม เป็นอาหารประจำชาติของชาวเวียดนาม  ซึ่งเป็นอาหารที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเอง ชาวเวียดนามกินข้าวเป็นอาหารหลักเช่นเดียวกับชาติอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และใช้เครื่องปรุงรสที่เป็นของหมักดองเช่นเดียวกัน เนื่องจากปูมหลังทางประวัติศาสตร์ที่เคยถูกจีนและฝรั่งเศสปกครอง จึงมีอิทธิพลของทั้งสองชาติปรากฏอยู่บ้าง นอกจากนั้นเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ที่ทอดยาวตามแนวชายฝั่ง ทำให้อาหารเวียดนามแต่ละภูมิภาคมีความแตกต่างกัน อาหารเวียดนามที่คนไทยรู้จักดีและเป็นเอกลักษณ์คือหนมเหนืองและขนมเบื้องญวน


ขนมเบื้องญวน เป็นขนมที่เข้ามาพร้อมกับเชลยชาวญวนในสมัยรัชกาลที่3 ซึ่งถูกกวาดต้อนมาระหว่างสงครามสยามเวียดนาม ขนมนี้ทำจากแป้งละลายกับไข่ให้ข้น ตักแป้งเทลงในกระทะที่ทาน้ำมันไว้ แผ่เป็นแผ่นกลม ใส่ไส้แล้วพับกลาง


สมัยก่อนแหนมเนืองจัดว่าเป็นอาหารของชาววัง และชนชั้นสูงในเวียตนาม  ไม่ได้มีขายแพร่หลายตามท้องตลาดทั่วไป  ต่อมาได้กลายเป็นอาหารจานเด่นในร้านอาหารเวียตนาม  



อาหารหลัก
ชาวเวียดนามกินข้าวเจ้าเป็นอาหารหลัก แต่ก็รับประทานข้าวเหนียวด้วย อาหารที่ปรุงด้วยแป้ง และมีไส้ รวมถึงขนมปังฝรั่งเศส ชาวเวียดนามเรียกว่า "บั๊ญ" (bánh) อาหารที่ปรุงด้วยข้าวเหนียวที่เป็นที่นิยมในเวียดนามได้แก่

บั๊ญจึง (bánh chưng) ข้าวต้มไส้ถั่ว ห่อด้วยใบตองเป็นรูปสี่เหลี่ยม


         บั๊ญเส่ย (bánh giầy) ข้าวต้มไส้ถั่ว ห่อด้วยใบตองเป็นรูปทรงกลม เสิร์ฟคู่กับหมูยอ
         บั๊ญกาย (bánh gai) ขนมทำจากแป้งข้าวเหนียว นวดกับใบป่านจนดำ ไส้ทำจากถั่ว
ชาวเวียดนามมีอาหารที่ได้รับอิทธิพลจากก๋วยเตี๋ยวของจีน เรียกว่า "เฝอ" (phở) ซึ่งได้ปรับปรุงจนมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ขนมจีนในภาษาเวียดนามเรียก "บู๊น" (bún) ซึ่งมีรูปแบบการปรุงที่หลากหลาย เช่น
บู๊นถิตเนื้อง (bún thịt nướng) ขนมจีนหมูย่าง
บู๊นบ่อ (bún bò) ขนมจีนหน้าเนื้อ
บู๊นบ่อเฮว้ (bún bò Huế) เป็นขนมจีนน้ำใส่เนื้อวัวหรือเนื้อหมู เป็นอาหารที่มีชื่อเสียงของเมืองเว้

           
                เอกลักษณ์
อาหารเวียดนามเป็นอาหารที่กินผักสดหลากหลายชนิดในแทบทุกเมนู และมีน้ำจิ้มที่หลากหลาย เครื่องปรุงรสส่วนใหญ่เป็นแบบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากกว่าจีน เช่น เครื่องปรุงรสเปรี้ยวใช้มะขาม มะนาวไม่นิยมน้ำส้มสายชู เครื่องปรุงรสเค็ม ส่วนใหญ่เป็น น้ำปลา น้ำกะปิ รองลงไปเป็นกะปิ ปลาร้า กุ้งจ่อม ใช้                       ซีอิ๊วแบบจีนน้อยมาก

อาหารแต่ละภูมิภาค

อาหารเวียดนามภาคเหนือ 
มีอิทธิพลของอาหารจีนปรากฏชัดกว่าภูมิภาคอื่น มีแกงจืดแบบจีน และการผัดแบบจีนแพร่หลายมากกว่าภาคอื่นๆ

อาหารเวียดนามภาคกลาง 
ศูนย์กลางอยู่ที่เว้ มีอิทธิพลของอาหารในวังปรากฏชัดเจนมาก และมีรสเผ็ดมากกว่าอาหารภาคอื่น

 อาหารเวียดนามภาคใต้ 
มีอิทธิพลของอาหารอินเดียและอาหารกัมพูชาปรากฏมากกว่า ใช้ผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ที่หลากหลายกว่า 

                                                         บั๋นเบาขนมถ้วยนึ่งหน้ากุ้ง

  
เต้าหู้เวียดนามทอด



ปอเปี๊ยะสด


พันหอม


เฝอ เป็นก๋วยเตี๋ยวของชาวเวียดนามที่พัฒนามาจากการทำก๋วยเตี๋ยวของจีน เฝอมีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวของไทยแต่ต่างกันที่เส้น น้ำซุป และเครื่องเคียง และบางครั้งก็เรียกเป็น ก๋วยเตี๋ยวเวียดนาม หรือ ก๋วยจั๊บเวียดนาม

 ก๋วยเตี๋ยวเนื้อเมืองเว้ 
เฝอ’ (pho) ซึ่งอาจเป็น เฝอบ่อ (ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ) หรือเฝอก่า (ก๋วยเตี๋ยวไก่) เป็นอาหารประจำชาติอย่างหนึ่งของเวียดนาม แต่เฝอก็ได้พัฒนารสชาติโดยเฉพาะความกลมกล่อมหวานใสของน้ำซุป ตลอดจนเครื่องเคราใส่ จนมีรสชาติเฉพาะตัวจริงๆ นอกจาดเส้นก๋วยเตี๋ยวแล้ว ครัวเวียดนามยังกินขนมจีนเป็นเส้นทำนองเดียวกับก๋วยเตี๋ยวอย่างแพร่หลาย ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดี มีอาทิ บุ๋นบ่อเหว ขนมเส้นน้ำใส่เนื้อวุวและขาหมู อันเป็นอาหารรสเยี่ยมประจำถิ่นของเมืองเว้ บุ๋นทิดหนึง ขนมจีนหมูย่างกับน้ำยา บุ๋นปอ ขนมจีนหน้าเนื้อ เป็นต้น ภาษาเวียดนามเรียกขนมจีนว่า ‘บุ๋น’ คล้ายกับ คนลาวเรียดว่า ‘ปุ้น’
เฝอเนื้อวัว
เส้นขนมจีนสด หมูย่างน้ำผึ้งและปอเปี๊ยะทอด
เส้นขนมจีนกับเนื้อผัดสไตล์เวียดนามตอนล่าง
                                                                                                                                                   












http://www.saigon-recipe.com/



สามารถติดต่อดูโปรแกรมทัวร์ ได้ที่

www.indochinaexplorer.com

www.scholidaytour.com


ขอบคุณข้อมูลจาก 
วิพีกิเดีย
หนังสือ trips magazine